5 ขั้นตอน ตรวจสอบรถมือสอง ไม่ใช่ช่างก็เช็คได้
การเลือกซื้อ รถมือสอง เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่มองหารถที่คุ้มค่าในราคาที่ประหยัดกว่า แต่การตัดสินใจซื้อรถมือสองนั้นจำเป็นต้องใช้ความละเอียดในการตรวจสอบสภาพรถเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง หลายคนอาจคิดว่าต้องเป็นช่างหรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นถึงจะสามารถตรวจสภาพรถได้ แต่ความจริงแล้ว คุณเองก็สามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเองในขั้นตอนง่ายๆ โดยไม่ต้องเป็นช่าง! วันนี้เราจะมาแนะนำ "5 ขั้นตอน ตรวจสอบรถมือสอง" ที่ไม่ว่าใครก็ทำได้ เพื่อช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ารถที่คุณจะซื้อนั้นมีคุณภาพและพร้อมใช้งาน
1. ตรวจสอบสภาพภายนอกของรถ
เริ่มจากการเดินสำรวจรอบๆ ตัวรถเพื่อดู สภาพตัวถัง สี และชิ้นส่วนภายนอก โดยสังเกตความเรียบร้อยของสีว่าไม่มีรอยขีดข่วน รอยสนิม หรือรอยบุบ หากพบเห็นร่องรอยการซ่อมแซมที่ไม่เรียบร้อย อาจบ่งบอกว่ารถเคยผ่านอุบัติเหตุรุนแรงมาก่อน นอกจากนี้ควรสังเกตความเรียบของตัวถังโดยการมองในมุมต่างๆ ของแสง เพื่อดูว่ามีการโป๊วสีหรือการทำสีซ้ำหรือไม่
วิธีเช็กง่ายๆ:
- เปิด-ปิดประตูทุกบาน เพื่อดูว่าทำงานได้ปกติหรือไม่
- ตรวจเช็กช่องว่าง ระหว่างบานประตู ฝากระโปรง และไฟหน้าว่ามีความสมมาตรกันหรือไม่
2. ตรวจเช็กภายในห้องโดยสาร
ภายในห้องโดยสารเป็นส่วนที่สามารถบ่งบอกถึงการดูแลของเจ้าของเดิมได้ ควรตรวจดู เบาะนั่ง พวงมาลัย แผงหน้าปัด และระบบต่างๆ ว่ายังทำงานได้ปกติหรือไม่ ลองปรับเบาะ ปรับกระจกไฟฟ้า และลองเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศ หากมีเสียงแปลกๆ หรือการทำงานที่ไม่ราบรื่น ควรตั้งข้อสังเกต
จุดที่ต้องดูเพิ่มเติม:
- แผงคอนโซล: ตรวจดูว่ามีรอยขีดข่วนหรือไม่ และระบบแผงควบคุมไฟทำงานได้ครบหรือไม่
- กลิ่นในห้องโดยสาร: หากมีกลิ่นอับ อาจบ่งบอกถึงปัญหาน้ำรั่วซึมหรือการเกิดเชื้อราจากการจอดทิ้งไว้เป็นเวลานาน
3. ตรวจเช็กเครื่องยนต์
แม้จะไม่ใช่ช่าง คุณก็สามารถเช็กสภาพเครื่องยนต์ได้แบบเบื้องต้น เริ่มจากการเปิดฝากระโปรงแล้วดูความสะอาดของเครื่องยนต์ สายพาน และท่อว่ามีรอยแตกร้าวหรือไม่ จากนั้นลองสตาร์ทรถและฟังเสียงเครื่องยนต์ว่าเดินเรียบและไม่มีเสียงแปลกๆ เช่น เสียงกุกกัก เสียงกระตุก หรือเสียงดังผิดปกติ หากพบสัญญาณเหล่านี้ อาจหมายความว่ามีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องยนต์ภายใน
เคล็ดลับการเช็กง่ายๆ:
- ลองดูควันจากท่อไอเสีย: หากมีควันสีดำหรือสีขาวออกมามาก แสดงว่าเครื่องยนต์มีปัญหา
- ตรวจดูใต้ท้องรถ: หากพบคราบน้ำมันซึมหรือจุดสนิม อาจบ่งบอกถึงความเสียหายหรือการดูแลที่ไม่ดี
4. ตรวจเช็กระบบไฟและแบตเตอรี่
ระบบไฟฟ้าภายในรถเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ลองเปิดไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว และไฟเบรกเพื่อตรวจสอบว่าทำงานได้ครบถ้วนหรือไม่ รวมถึงลองทดสอบการใช้งานของกระจกไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ และหน้าจอแสดงผล หากพบปัญหา เช่น ระบบไฟกระพริบไม่สม่ำเสมอ อาจหมายความว่าแบตเตอรี่ใกล้หมดหรือมีการเดินสายไฟที่ผิดปกติ
สิ่งที่ควรทำ:
- ทดสอบวิทยุและลำโพง: ฟังดูว่ามีเสียงรบกวนหรือไม่
- เช็กการทำงานของรีโมท: ลองเปิด-ปิดล็อคจากรีโมทเพื่อดูการตอบสนอง
5. ตรวจสอบสภาพยางและล้อ
ยางและล้อเป็นส่วนที่บ่งบอกถึงการดูแลรถในระยะยาวได้ดี ตรวจดู ดอกยาง ว่ายังมีความลึกพอสำหรับการใช้งานหรือไม่ หรือยางมีรอยฉีกขาดหรือการสึกหรอที่ไม่สม่ำเสมอหรือไม่ หากพบว่าแก้มยางมีรอยแตกหรือดอกยางเริ่มสึก ควรพิจารณาเปลี่ยนยางใหม่ นอกจากนี้ ควรตรวจดูว่า ล้อแม็กซ์ ไม่มีรอยแตกหรือการบิดเบี้ยวที่อาจส่งผลต่อการขับขี่
เคล็ดลับการตรวจ:
- ตรวจดูอายุยาง จากตัวเลขปีผลิตที่ขอบยาง หากยางมีอายุมากกว่า 3-4 ปี ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อความปลอดภัย
- ตรวจแรงดันลมยางทุกล้อ เพื่อดูว่ามีลมอ่อนกว่าปกติหรือมีรอยรั่วซึมหรือไม่
สรุป
แม้ว่าคุณจะไม่ใช่ช่างมืออาชีพ แต่ด้วย "5 ขั้นตอน ตรวจสอบรถมือสอง" เหล่านี้ คุณก็สามารถประเมินสภาพรถเบื้องต้นได้เองอย่างง่ายดาย เพื่อช่วยให้การตัดสินใจซื้อ รถมือสอง ของคุณนั้นคุ้มค่า ปลอดภัย และไม่มีปัญหาซ่อนเร้นในภายหลัง อย่าลืมนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ในการเลือกซื้อรถคันถัดไป เพื่อให้ได้รถที่พร้อมใช้งานและตอบโจทย์ทุกการขับขี่ของคุณค่ะ
--------------------------
หากสนใจรถยนต์มือสอง สหการประมูล เรามีใบประเมินสภาพให้ด้วยนะ ดูปฎิทินรอบประมูลได้ที่ https://www.auct.co.th/
สหการประมูล ลานประมูลแห่งแรก และใหญ่ที่สุดในไทย ประมูลมาเเล้วกว่าล้านรายการ
แกลเลอรี่